วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

Satellite Communication

วัตถุประสงค์         

1. เพื่อให้เข้าใจวิธีการและรู้จักอุปกรณ์ในการรับสัญญาณจากดาวเทียม 
2. เพื่อให้ทราบวิธีคำนวณมุม look angle 
3. เพื่อฝึกการใช้งานและอ่านค่าจากเครื่องวิเคราะห์แถบความถี่ 

เครื่องมือและอุปกรณ์     


1. จาน 120 cm. Parabolic และ จาน 90cm. offset parabolic


2. Ku band Feed & LNB


3. RG 6 A/U Transmission Line


4. Spectrum Analyzer 



5. Bias Tee network



6. Inclinometer


7. Magnetic Compass 




วิธีการทดลอง 

1. ต่ออุปกรณ์ตามรูป


     ความถี่ขาลงที่สามารถรับได้จากดาวเทียม THAICOM5 มีค่าในช่วง 12.25 – 12.75 GHz ถูกแปลงค่าลดลงโดยการทำงานของ Ku band LNB ซึ่งมีออสซิเลเตอร์ แบบ DRO ความถี่ 11.30000 GHz. เมื่อความถี่ขาเข้าผสมกับความถี่ออสซิเลเตอร์ เราจะได้ความถี่ ผลต่าง ในช่วง 950 - 1450 MHz

2. ตั้งค่าในเครื่องวิเคราะห์แถบความถี่ดังนี้: 
    - Center frequency                      1200 MHz. 
    - Span                                          500 MHz 
    - Reference level                        -60 dBm 
    - Vertical scale                            2 dB/div. 
    - Resolution bandwidth               1 MHz. 
    - Video filter                                10 KHz. 

3. จ่ายแรงดันไบอัส LNB ที่18 V dc.จำกัดกระแสที่ 0.3 แอมป์ 

4. ถ้าหากตั้งมุมเงยและมุมกวาดถูกต้องจะสามารถสังเกตุว่ามีสัญญาณคลื่นพาห์( C ) เข้าเครื่องวิเคราะห์แถบความถี่ ในช่วง 950 - 1450 MHz. โดยมีระดับสัญญาณสูงกว่าระดับน้อยส์ ( N) ซึ่งสามารถปรับให้อัตราส่วน C/N สูงขึ้นอีกโดยการขยับมุมกวาด และมุม เงยเล็กน้อย 

5. ปรับให้สามารถอ่านค่า C/N สูงสุด โดยการค่อยๆ หมุน LNB ให้การวางตัวของ LNB ตรงกับระนาบคลื่นที่เข้ามา 

6. อ่านค่าความถี่ตรงกึ่งกลางของแต่ละคลื่นพาห์ ซึ่งเท่ากับผลต่างระหว่างความถี่ส่งขาลงลบด้วยความถี่ออสซิเลเตอร์ 11300 MHz และวาดรูปสเปคตรัมที่สังเกตได้ทั้งสองระนาบคลื่น

7. ทดลองปรับระยะโฟกัสของจาน เมื่อทำการปรับ focal point จะเห็นว่า ระดับสัญญาณที่อ่านได้จาก spectrum analyzer มีระดับ ลดลงถ้า sub reflector ไม่ได้อยู่ที่ focal point ของจานดาวเทียมทำให้รับสัญญาณที่สะท้อนมาจากreflectorได้น้อยลง 

8. ทดลองเปลี่ยน Polarizationโดยการหมุน LNB ทำการหมุนปรับ polarization ของ LNB ไป 90 องศา ทำให้สายอากาศไปรับสัญญาณอีกระนาบหนึ่งแทนโดยสังเกตความแตกต่างของสเปคตรัมที่แสดงในเครื่องวิเคราะห์ 

9. ทดลองเปลี่ยน Polarizationโดยการเปลี่ยนค่าแรงดันเปลี่ยนค่าแรงดันไบอัสจาก 18V เป็น 13V เท่ากับการหมุนปรับ polarizationของLNB ไป 90 องศาทำให้สายอากาศไปรับสัญญาณอีกระนาบหนึ่งแทน 

10. แสดงสเปคตรัมที่รับได้เมื่อใช้แรงดันไบอัส 18 V. 

11. แสดงสเปคตรัมที่รับได้เมื่อใช้แรงดันไบอัส 13V. 

12. ระบุ Polarization, Beam ของผลการทดลองข้อ 9 และ 10
ผลการทดลองทสี่ังเกตุได้จากจอภาพของเครื่องวเิคราะห์แถบความถี่ 

ผลการทดลอง

1. ทำการป้อนแรงดัน 18 V เข้า LNB  ซึ่งทำให้สามารถรับสัญญาณของดาวเทียม thaicom 5 ได้

- สัญญาณคลื่นพาร์ในช่วง 950 - 1450 MHz


จากรูปจะสังเกตว่ามีคลื่นพาร์อยู่ ถึง 11 ลูกคลื่น

- ทำการหา Center frequency ของแต่ละลูก

  1.1 center frequency =  972 MHz


1.2 center frequency =  1.013 GHz



1.3 center frequency =  1.0565 GHz



1.4 center frequency =  1.09675 GHz


1.5 center frequency =  1.13825 GHz



1.6 center frequency =  1.18 GHz



1.7 center frequency =  1.22225 GHz



1.8 center frequency =  1.263 GHz



1.9 center frequency =  1.305 GHz



1.10 center frequency =  1.358125 GHz



1.11 center frequency =  1.418875 GHz




2. ทำการป้อนแรงดัน 13 V เข้า LNB  ซึ่งทำให้สามารถรับสัญญาณของดาวเทียม thaicom 6 ได้

- สัญญาณคลื่นพาร์ในช่วง 950 - 1450 MHz




จากรูปจะสังเกตว่ามีคลื่นพาร์อยู่ ถึง 11 ลูกคลื่น

- ทำการหา Center frequency ของแต่ละลูก

  2.1 center frequency =  974 MHz


 2.2 center frequency =  1.01375 GHz



 2.3 center frequency = 1.056  GHz



 2.4 center frequency =  1.1055 GHz



 2.5 center frequency =  1.168875 GHz



 2.6 center frequency =  1.221375 GHz



 2.7 center frequency =  1.263375 GHz



 2.8 center frequency =  1.304875 GHz



 2.9 center frequency =  1.346625 GHz



 2.10 center frequency =  1.387875 GHz



 2.11 center frequency =  1.428125 GHz





วิจารณ์ผลการทดลอง

     เมื่อทำการจ่ายแรงดันไบอัส เข้าที่ LNB ที่แรงดัน 18 V. และ 13 V. นั้นหมายถึงการป้อนแรงดันเพื่อให้จานรับสัญญาณสามารถรับสัญญาณของดาวเทียมที่เราต้องการจะรับได้ โดย เมื่อป้อน 18 V. จานรับสัญญาณจะสามารถรับดาวเทียม Thaicom 5 ได้ และเมื่อป้อน 13 V. จานรับสัญญาณจะสามารถรับดาวเทียม Thaicom 6 ได้  ซึ่งเมื่อนำสัญญาณจาก LNB เข้า Bias Tee network และเข้า Spectrum Analyzer  และค่าที่ออกมาภายในช่วง 950 - 1450 MHz เมื่อได้ค่า center frequency นั้นคือค่าความถี่ที่ใช้จริงของดาวเทียมนั้นๆ  โดยในการที่จะได้สัญญาณที่เที่ยงตรง เราจะต้องติดตั้งอุปกรณ์จานรับสัญญาณให้ ตรงกับตำแหน่งที่ดาวเทียมส่งสัญญาณ และเนื่องจากจุดใต้ดาวเทียมอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสถานีรับสัญญาณ ดังนั้นจึงต้องหันจานรับสัญญาณไปที่พิกัด
  

ซึ่งเมื่อเราทำให้จานรับสัญญาณอยู่ตำแหน่งที่ชี้ไปกับดาวเทียมแล้ว เราจะสังเกตเห็นว่า ที่ Spectrum Analyzer มีระดับสัญญาณที่สูงขึ้นกว่าก่อนทำการปรับ
   อีกปัจจัยที่มีผลต่อการรับสัญญาณจากดาวเทียม คือ รูปแบบของจานรับสัญญาณควรเลือกตามความเหมาะสมกับ ความเข้มของสัญญาณที่ส่ง

สรุปผลการทดลอง

     จากการทดลองเรื่องการรับสัญญาณจากดาวเทียม  เราสามารถรับสัญญาณจากดาวเทียมอย่างเที่ยงตรงได้ ก็ต่อเมื่อ ติดตั้งจานรับสัญญาณให้ตรงกับตำแหน่งที่ดาวเทียมที่ส่งสัญญาณ โดยเราจะทำการปรับ polarization จากการคำนวณ และจ่ายแรงดันไบอัสเข้า LNB เพื่อที่จะได้รับสัญญาณของดาวเทียมดวงที่ต้องการ ซึ่งสัญญาณที่เราได้รับจากดาวเทียมนั้นจะเป็นสัญญาณ carrier หลายๆช่องสัญญาณ

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

IQ Tutor

วัตถุประสงค์

1. ศึกษาการผสมสัญญาณดิจิตอลชนิดต่างๆ เช่น BPSK QPSK 16QAM
2. ศึกษาผลของลักษณะการตอบสนองความถี่ของฟิลเตอร์ที่มีต่อสัญญาณ
3. ศึกษาผลของ BER Vs. SNR
4. ศึกษาเรื่องของ Muiltipath

ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง

BPSK

Binary Phase Shift Keying เป็นการผสมสัญญาณแบบดิจิตอลที่ง่ายที่สุด โดยที่สัญญาณที่ผสมแบบนี้ จะมีขนาดของคลื่นพาหะคงที่ แต่เฟสของคลื่นพาหะสามารถเป็นได้ 2 ค่าที่มีเฟสต่างกัน 180 องศาแทนข้อมูลที่เป็น 0 และ 1 การผสมแบบนี้มีข้อดีคือสามารถทนทานต่อการรบกวน อันเนื่องมาจากสัญญาณรบกวนได้มากกว่าการผสมสัญญาณดิจิตอลแบบอื่น แต่มีข้อเสียได้แก่ ความสิ้นเปลืองแถบความถี่มาก

QPSK

QPSK หรือ Quadrature Phase Shift Keying สามารถที่จะส่งสัญญาณที่มีขนาดเท่ากัน แต่มีเฟสแตกต่าง
กันได้ 4 ค่า โดยสามารถแทนที่ข้อมูลดิจิตอลได้ 4 อย่าง คือ 00 01 10 11 ซึ่งจะมีการส่งข้อมูลพร้อมกันครั้งละ 2 bit ในวงจรผสมสัญญาณ IQ Modulator จะมีสองสัญญาณ คือ I และ Q ซึ่งจะต้องป้อนเข้าวงจรผสมสัญญาณพร้อมกัน ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นได้โดยการรวมเวกเตอร์ Q และ I เข้าด้วยกัน สัญญาณที่ได้เป็นผลลัพธ์ จะมาจากผลรวมของเวกเตอร์ I และ Q ข้อมูลของสัญญาณ QPSK นั้นสามารถส่งได้โดยการส่งเฟสต่าง ๆ ของสัญญาณ คือ 45, 125, 225, 315 องศา ด้วยขนาดแรงดันค่าเดียว และมีสองขั้ว คือบวก และ ลบ


16QAM

คือการผสมสัญญาณที่มีการผสมทางเฟส และขนาดพร้อมกัน โดยสามารถผสมสัญญาณ ได้ครั้งละ 4 bit
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดและเฟสของคลื่นพาหะได้ทั้งหมด 16 แบบดังแสดงในรูปที 4 โดยแต่ละ
ตำแหน่งเรียกว่า Symbol และ เมื่อเรียงตัวกันดังในภาพจะดูเหมือนกลุ่มดาว ดังนั้น ไดอะแกรมที่แสดงนี้ เรียกอีกอย่างว่าเป็น Constellation

ขั้นตอนการทดลอง

1. เข้าโปรแกรม IQ Tutor โดยใช้ชื่อไฟล์ IQTUTORC.EXE
2. หลังจากเห็นข้อความแนะนำโปรแกรม กด Spacebar เพื่อผ่านต่อไป
3. ในหน้านี้ สามารถใช่ลูกศร ขั้น ลง เพื่อเปลี่ยนจากบล็อกเป็นรูปสัญญาณเป็นข้อความ และ สามารถ
ใช้ลูกศร เลื่อนซ้าย ขวา ขึ้น ลง หรือ EDIT เพื่อแก้ไขตัวแปรในการทดลอง


การทดลองที 1: เรื่อง การเปรียบเทียบค่า Signal to Noise Ratio (SNR) กับ ค่าความเป็นไปได้ของอัตราความผิดพลาดข้อมูล (Probability of Error, Pe)

กำหนด Modulation = BPSK Filter Alpha =1 SNR = 6
(ไม่มีข้อความ HPA Impairment on หรือ Multipath fade on)

4. หลังจากกำหนดตัวแปรต่าง ๆตามที่ต้องการแล้ว กด Enter เพื่อให้ระบบทำงาน จะมีข้อความ
"working" หมายความว่า ค่าต่างๆที่เราต้องการได้มีการปรับเรียนร้อยแล้ว
5. สามารถดูค่า P(e) ได้ที่ Detector Output บันทึกค่าไว้
6. ทำการทดลองซ้ำอีกครั้ง โดยใช้ค่าตามตารางที 1-3

การทดลองที่ 2 : การศึกษาเรื่อง Noise, Errors และ I-Q Vector Diagram
เลือกตัวแปรในการทดลองดังนี้ BPSK, SNR = 40, Filter Alpha 0.5

1. เลื่อนลูกศรไปดูที่ Demodulator output แล้วกดดูสัญญาณ IQ ในโดเมนเวลา
2. กด Enter เพื่อดู Vector Display
3. กดปุ่ม / เพื่อดูข้อมูลขณะนั้น
4. บันทึกผลการทดลอง
5. กดปุ่ม Enter อีกครั้งเพื่อเข้าสู่แกนเวลา
6. ตั้งค่า SNR = 8 เป็นการเพิ่มสัญญาณรบกวนเข้าในระบบ
7. บันทึกผล รูปในแกนเวลา
8. บันทึกลักษณะของ Vector diagram
9. ทำการทดลองเช่นเดียวกันนี้กับสัญญาณ 16QAM

การทดลองที่ : 3 Multipath & Curves

ในการเดินทางของคลื่นวิทยุผ่านระยะทางไกลในอากาศคลื่นที่เดินทางมายังเครื่องรับ ส่วนใหญ่มาทาง
ลำคลื่นหลัก (Main beam) บางส่วนมาจากการสะท้อน (Reflections) บางส่วนมาจากการหักเห (Refraction) ทำให้เกิดการเดินทางจากหลายเส้นทาง (Multipath Propagation) เมื่อเครื่องรับสัญญาณได้จะเป็นผลรวมของคลื่นจากทิศทางต่าง ๆ ผลของ Multipath จะมีมาก เมื่อมีการสะท้อน หรือ และหักเหมากขึ้น ผลของ Multipath ที่สามารถสังเกตได้ คือ ทำให้รูสัญญาณผิดเพี้ยน (Distortion) เกิดการจางหายของสัญญาณ (Fading) ในระบบสื่อสารวิทยุแบบอนาลอกมีผลทำให้ S/N มีค่าลดลง ในระบบดิจิตอลมีผลทำให้ค่าความผิดพลาดของข้อมูลมากขึ้น ในการทดลองนี้เราจะศึกษา ในบางช่วงความถี่ของแบนวิดธ์เครื่องรับ

ขั้นตอนการทดลอง

1. เลื่อนภาพไปดูที่ Demodulator Output จากนั้นดูที่แกนเวลา กด E เพื่อ Edit ค่าต่าง ๆ ดังนี้ QPSK , SNR = 40 , Filter Alpha = 0.3 ยังไม่ต้องกด Enter
2. กด D เพื่อเข้าสู่หน้าจอ Advance Design กดลูกศรขึ้นเพื่อเปลี่ยนค่า Delay = 16.6 ns (Delay = ค่าเวลาที่แตกต่างระหว่างสัญญาณจริงที่มาถึงก่อน และสัญญาณที่สะท้อนมาทีหลัง) ทำให้เกิดการ Notch ขึ้นทุกๆ 1/16.6 ns หรือ 60 MHz)
3. กดลูกศรขึ้นเพื่อเปลี่ยนค่า depth = 40 dB (เพื่อเปลี่ยนค่าความแตกต่างขนาด) สังเกตค่า Notch ที่เกิดขึ้น
4. เลือนลูกศรไปทางซ้ายเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งของ Notch เลื่อนลูกศรขึ้น เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งไป 100%
5. บันทึกผล

ผลการทดลอง


การทดลองที 1: เรื่อง การเปรียบเทียบค่า Signal to Noise Ratio (SNR) กับ ค่าความเป็นไปได้ของอัตราความผิดพลาดข้อมูล (Probability of Error, Pe)

ตารางที่ 1 BPSK

SNR (dB)
Errors
Errors/100 = P(e)
6
0.369
0.00369
4
1.865
0.01895
2
6.003
0.06003
0
13.062
0.13062
-2
20.663
0.20663

ตารางที่ 2 QPSK

SNR (dB)
Errors
Errors/100 = P(e)
16
0.001
0.00001
14
0.001
0.00001
12
0.001
0.00001
10
0.001
0.00001
8
0.132
0.00001

ตารางที่ 3 16QAM

SNR (dB)
Errors
Errors/100 = P(e)
8
33.497
0.33497
6
48.978
0.48978
4
59.566
0.59566
2
63.096
0.63096
0
66.834
0.66834

ตารางที่ 4  ผลการเปรียบเทียบระหว่าง SNR Vs. P(e) สำหรับการผสมทั้งสามแบบ


การทดลองที่ 2 : การศึกษาเรื่อง Noise, Errors และ I-Q Vector Diagram


รูปที่ 6 รูปแสดงลักษณะโปรแกรมเมื่อกดดูสัญญาณ IQ ในโดเมนเวลา
เมื่อ BPSK, SNR = 40, Filter Alpha 0.5


รูปที่ 7 รูปแสดงลักษณะโปรแกรมเมื่อกดดูสัญญาณ IQ ในรูป Vector
เมื่อ BPSK, SNR = 40, Filter Alpha 0.5


รูปที่ 8 รูปแสดงลักษณะโปรแกรมเมื่อกดปุ่ม /
เมื่อ BPSK, SNR = 40, Filter Alpha 0.5


รูปที่ 9 รูปแสดงลักษณะโปรแกรมเมื่อตั้งค่า SNR = 8



รูปที่ 10 รูปแสดงลักษณะโปรแกรมเมื่อกดดูสัญญาณ IQ ในรูป Vector
เมื่อ BPSK, SNR = 8, Filter Alpha 0.5


รูปที่ 11 รูปแสดงลักษณะโปรแกรมเมื่อกดปุ่ม /
เมื่อ BPSK, SNR = 8, Filter Alpha 0.5


รูปที่ 12 รูปแสดงลักษณะโปรแกรมเมื่อกดดูสัญญาณ IQ ในโดเมนเวลา
เมื่อ 16QAM, SNR = 40, Filter Alpha 0.5


รูปที่ 13 รูปแสดงลักษณะโปรแกรมเมื่อกดดูสัญญาณ IQ ในรูป Vector
เมื่อ 16QAM, SNR = 40, Filter Alpha 0.5


รูปที่ 14 รูปแสดงลักษณะโปรแกรมเมื่อกดปุ่ม /
เมื่อ 16QAM, SNR = 40, Filter Alpha 0.5


รูปที่ 15 รูปแสดงลักษณะโปรแกรมเมื่อตั้งค่า SNR = 8


รูปที่ 16 รูปแสดงลักษณะโปรแกรมเมื่อกดดูสัญญาณ IQ ในรูป Vector
เมื่อ 16QAM, SNR = 8, Filter Alpha 0.5


รูปที่ 17 รูปแสดงลักษณะโปรแกรมเมื่อกดปุ่ม /
เมื่อ 16QAM, SNR = 8, Filter Alpha 0.5


การทดลองที่ 3 : Multipath & Curves



รูปที่ 18 รูปแสดงลักษณะโปรแกรม
เมื่อตั้งค่า QPSK , SNR = 40 , Filter Alpha = 0.3


รูปที่ 19 รูปแสดงลักษณะโปรแกรม เมื่อกดปุ่ม D
เข้าหน้าจอ Advance Design และเปลี่ยนค่า Delay = 16.6 ns


รูปที่ 20 รูปแสดงลักษณะโปรแกรม เมื่อกดปุ่ม D
เข้าหน้าจอ Advance Design และเปลี่ยนค่า depth = 40 dB


รูปที่ 21 รูปแสดงลักษณะโปรแกรม เมื่อกดปุ่ม D
เข้าหน้าจอ Advance Design และเปลี่ยนค่า depth = 40 dB

วิจารณ์ผลการทดลอง

            โปรแกรมIQ tutor เป็นโปรแกรมการจำลองสัญญาณที่สามารถรับค่าตัวแปรต่างๆของสัญญาณได้ และยังสามารถดูผลของสัญญาณได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณ IQ ในรูปโดเมนของเวลา หรือ เวกเตอร์ก็ตาม ทำให้ผู้ทำการทดลองสามารถศึกษาการเปลี่ยนแปลงต่างๆของสัญญาณตามค่าตัวแปรที่ป้อนได้โดยไม่ต้องทำการทดลองจริงซึ่งอาจทำให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อน การใช้โปรแกรมนี้ทำให้ศึกษาได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และประหยัดเวลา

สรุปผลการทดลอง

การทดลองที่ 1 การเปรียบเทียบค่า signal to Noise Ratio (SNR) กับ ค่าความเป็นไปได้ของอัตราความผิดพลาดข้อมูล (Probability of Error, Pe)  ของการผสมสัญญาณทั้ง 3 แบบ คือ BPSK QPSK และ  16QAM จะพบว่าที่ระดับ SNR เท่ากัน BPSK จะมีอัตราความผิดพลาดข้อมูลน้อยที่สุด ตามด้วย QPSK และ 16QAM
การทดลองที่ 2 ศึกษาเรื่อง Noise, Errors และ I-Q Vector Diagram ทดลองด้วยการส่งสัญญาณ BPSK และ 16QAMเมื่อดูสัญญาณในรูปเวกเตอร์ และแบบจุดพบว่า ที่ SNR = 40 จะทนต่อสัญญาณรบกวนได้ดีกว่า SNR = 8 สังเกตจากเวกเตอร์ที่เป็นระเบียบกว่า และแบบจุดที่กระจายน้อยกว่า จากการเปรียบเทียบทั้งสองสัญญาณแล้วพบว่า BPSK ทนต่อสัญญาณรบกวนได้ดีกว่า 16QAM ไม่ว่า SNR จะสูงหรือต่ำก็ตาม
 การทดลองที่ 3  เรื่อง Multipath & Curves พบว่าสัญญาณที่เดินทางมายังจุดรับบางส่วนเกิดการ delay จึงไปรวมกับสัญญาณที่เกิดจากการหักเหหรือสะท่อนระหว่างการเดินทางจุดส่งไปยังจุดรับ ส่งผลให้เกิดการหักล้างกัน ตามค่า depth ซึ่งจำนวนมากน้อยนั้นขึ้นกับค่า delay ตัวแปรต่างๆนี้จึงส่งผลกระทบต่อการรับสัญญาณที่เราพิจารณาด้วย